มันเกิดขึ้นว่าหลังจากการตายของผู้ทำพินัยกรรม ญาติไม่สามารถหาพินัยกรรมรับรองโดยทนายความ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ทำพินัยกรรมจะมีสุขภาพแข็งแรง สถานการณ์ก็อาจเกิดขึ้นซึ่งจำเป็นต้องฟื้นฟูพินัยกรรมครั้งก่อน
คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 1
หากคุณแน่ใจว่าพินัยกรรมถูกร่างขึ้นในชื่อของคุณ โปรดติดต่อทนายความที่รับรองด้วยใบมรณะบัตรและเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ เนื่องจากเขามีสำเนาคำสั่งของผู้ตายชุดที่สอง มันเกิดขึ้นที่ทนายความซึ่งได้รับการรับรองพินัยกรรมเปลี่ยนที่อยู่หรือมอบเอกสารสำคัญของเขาให้เพื่อนร่วมงาน ในกรณีนี้ ให้ติดต่อ Notary Chamber ในเมืองหรือภูมิภาคของคุณพร้อมคำขอ โดยแนบเอกสารเดียวกัน (หรือสำเนา) คุณสามารถค้นหาที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของ Notary Chamber ได้โดยไปที่หน้า https://www.notary.ru/notary/bd.php ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของทนายความที่คุณสนใจ - บนหน้า
ขั้นตอนที่ 2
โปรดทราบ: คุณต้องมีเวลากรอกเอกสารทั้งหมดก่อนครบกำหนดระยะเวลาหกเดือนนับจากวันที่ผู้ทำพินัยกรรมถึงแก่กรรม มิฉะนั้นทรัพย์สินจะตกเป็นของทายาทตามกฎหมายหรือโดยรัฐ อย่างไรก็ตาม หากคุณสามารถพิสูจน์ได้ในเอกสารว่าคุณไม่สามารถยื่นคำร้องในคดีมรดกได้ก่อนหน้านี้ ให้ส่งคำร้องไปที่ศาลเพื่อเรียกคืนกำหนดเวลาที่ไม่ได้รับ
ขั้นตอนที่ 3
หากคุณไม่มีใบมรณะบัตรอยู่ในมือ โปรดติดต่อสำนักทะเบียนเพื่อขอสำเนา คุณจะต้องใช้เอกสารที่พิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและผู้ทำพินัยกรรม หากไม่มีเอกสารดังกล่าวให้ขอผ่อนผันเป็นลายลักษณ์อักษร ถามทนายความที่เก็บสำเนาพินัยกรรมฉบับที่สองไว้เพื่อการปฏิเสธในลักษณะเดียวกัน
ขั้นตอนที่ 4
ยื่นคำร้องต่อศาลพร้อมคำชี้แจงการเรียกร้องการคืนมรดกโดยพินัยกรรมโดยแนบสำเนาการปฏิเสธที่ได้รับที่สำนักงานทะเบียนและจากทนายความ จำเลยในกรณีนี้จะเป็นบุคคลธรรมดา (ญาติของผู้ตายที่ไม่สนใจมรดกของคุณ) หรือรัฐ (หากไม่มีทายาทตามกฎหมาย)
ขั้นตอนที่ 5
หากผู้ทำพินัยกรรมต้องการฟื้นฟูพินัยกรรมที่ได้ประหารไปแล้ว ก็ต้องยื่นหลักฐานที่แน่ชัดต่อศาลว่าคำสั่งสุดท้ายนั้นถูกร่างขึ้นโดยเขาในสภาพวิกลจริตหรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของการข่มขู่ การหลอกลวง หรือความรุนแรง (ซึ่งเขาไม่ได้แจ้งให้ศาลทราบ ทนายความเกี่ยวกับการร่างเอกสาร) อาจเป็นใบรับรองแพทย์ คำให้การของพยานหรือญาติที่ไม่ต้องการให้ทรัพย์สินตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น